“กิเลนผยอง” เมืองทอง ยูไนเต็ด และ “สิงห์เจ้าท่า” ท่าเรือ เอฟซี ถือเป็นคู่แค้นอันดับหนึ่งของวงการฟุตบอลไทย โดยในอดีตทั้งสองสโมสรยักษ์ใหญ่ต่างท้าทายกันเพื่อขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นต่างฝ่ายต่างมีแฟนบอลระดับอุลตร้าที่เชียร์ทีมอย่างเหนียวแน่นมาจนถึงทุกวันนี้ ทว่าเป็นเวลา 6 ปีแล้วที่แฟนบอลของ เมืองทอง-ท่าเรือ ไม่ได้รับอนุญาตให้เผชิญหน้ากันเด็ดขาด อะไรคือจุดเริ่มต้น และทำไมการเจอของอริคู่นี้ถึงต้องมีกองเชียร์แค่ฝั่งเดียว วันนี้บอลไทยมีคำตอบ..
จุดเริ่มต้น
จุดเริ่มต้นความเกลียดชังของแฟนบอลทั้งสองสโมสร เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2553 ที่สนามกีฬาศุภชลาศัย ในเกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยพระราชทานประเภท ก. ประจำปี 2552
เหตุการณ์เริ่มมาจากในสนาม เมืองทอง-หนองจอก ยูไนเต็ด เกมเดินทางมาถึงนาทีที่ 81 ดาโน เซียกา โหม่งประตูที่สองเข้าไป แฟนบอลการท่าเรือไทย มองว่า ผู้ตัดสินในเกมนั้น (อรรถกร เวชการ) ตัดสินผิดลาด และมองจังหวะนั้นเป็นลูกแฮนด์บอล ทำให้แฟนบอลการท่าเรือไทย ไม่พอใจ จนมีการขว้างปาขวดน้ำและสิ่งของลงสนาม และจุดพลุไฟเขวี้ยงลงมา รวมถึงจุดประทัด จนเกมต้องยุติลงกลางคัน
ต่อมาเหตุการณ์จะบานปลายเมื่อ แฟนบอล การท่าเรือไทย พังรั้วกั้นเข้าไปทำร้ายกองเชียร์ของเมืองทองฯ จนคนดูวิ่งหนี กระโดดหนีลงจากอัฒจันทร์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและสารวัตรทหาร ที่มีเพียงไม่กี่คนไม่สามารถคุมสถานการณ์ได้ ทำให้เกิดเหตุวิวาทชกต่อยตะลุมบอนกันไปรอบสนาม ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า ผู้เล่นของการท่าเรือไทย อย่าง พงศ์พิพัฒน์ คำนวณ เป็นผู้พยายามชักชวนแฟนๆ ให้ประท้วงว่าประตูที่สองนั้นเกิดจากการแฮนด์บอล ซึ่งถือว่ามีเจตนายั่วยุให้แฟนบอลเริ่มคว้างปาสิ่งของ
โดยมีรายงานว่า มีแฟนบอลทั้งสองทีมบาดเจ็บรวมกันไม่ต่ำกว่า 10 คน ภายหลังจากที่เหตุการณ์จลาจล จนไม่สามารถแข่งขันต่อได้ ทาง พิเชษฐ์ มั่นคง ประธานสโมสรการท่าเรือไทย ได้ประกาศขอยอมแพ้ และยกตำแหน่งชนะเลิศการแข่งขันให้กับ สโมสรเมืองทอง-หนองจอก ยูไนเต็ด และผู้ควบคุมการแข่งขันในเวลานั้น (ภิรมย์ อั๋นประเสริฐ) ได้ถือว่าการแข่งขันจบลงแล้ว แม้ว่าจะเหลือเวลาในการแข่งขันอีก 9 นาที
รวมการปะทะครั้งอื่นๆของแฟนบอล เมืองทอง-ท่าเรือ
18 ตุลาคม 2557 สนาม เอสซีจี สเตเดี้ยม(ไทยลีก)
เป็นอีกเกมที่ไม่น่าจดจำของวงการบอลไทย เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ของปีที่แล้ว หลังเกมที่ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เอาชนะ การท่าเรือ 3-1 ได้มีการปะทะอย่างดุเดือดของแฟนบอลทั้งสองทีม บริเวณสีแยกใหญ่ข้างสนาม เอสซีจี สเตเดี้ยม ซึ่งจากการปะทะมีทั้ง เสียงการใช้อาวุธปืน และ ประทัดยักษ์
จนมีแฟนบอลทั้งสองทีมได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องส่งโรงพยาบาลกันหลายคน และหลังจากนั้น ทั้งสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และ การท่าเรือ เอฟซี ต่างก็ถูกลงโทษอย่างหนัก ทั้งตัด 9 แต้ม และปรับเป็นจำนวนเงิน สามแสนบาท และห้ามไม่ให้แฟนบอลชมเกมนัดที่เหลือ

28 พฤษภาคม 2557 สนาม แพท สเตเดี้ยม(ไทยลีก)
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ณ สนามเหย้าของการท่าเรือ ซึ่งหลังเกมการแข่งขันจบลงด้วยสกอร์ การท่าเรือ เอฟซี เปิดบ้านแพ้ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ดไป 0-4 ก็ได้มีแฟนบอลทั้งสองฝ่าย เกิดปะทะคารม พูดจาด่าทอ เหยียดหยามใส่กัน จนเกิดการปาหินและข้าวของ กระทั่งเกิดการชุลมุนอยู่พักใหญ่
หลังจากนั้น แฟนบอลของทีมเยือนอย่าง เมืองทอง ไม่สามารถออกจากสนามได้ เพราะถูกล้อมไว้ทั้งในและนอกสนาม ซึ่งกว่าจะระบายแฟนบอลของ “กิเลนผยอง” ออกหมด ต้องรอถึงราว 4 ทุ่มครึ่งเลยทีเดียว โดยเกมดังกล่าวเริ่มขึ้นตั้งแต่หกโมงเย็น
14 กันยายน 2559 สนามเอสซีจี สเตเดี้ยม (ลีกคัพ รอบรองชนะเลิศ)
เกิดเหตุแฟนบอลของ เอสซีจี เมืองทองฯ ยูไนเต็ด กับ การท่าเรือ เอฟซี ปะทะกันหลังจบเกม โตโยต้า ลีก คัพ รอบตัดเชือกโดยการแข่งขันจบลงด้วยสกอร์ 1 – 1 ซึ่งรวมผล 2 นัด เอสซีจี เมืองทองฯ ชนะ 3-2 ประตู โดยหลังจบการแข่งขันได้เกิดเหตุทะเลาะวิวาทของแฟนฟุตบอลทั้ง 2 ทีม ซึ่งการตีกันครั้งนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 23 อาการสาหัส 3 ราย
ตั้งแต่การปะทะกันในปี 2559 ทั้ง 2 ทีมจึงทำข้อกลงร่วมกันว่า หากทีมใดเป็นทีมเยือนจะไม่อนุญาตให้แฟนบอลตามมาเชียร์ที่สนาม เพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอยมาจนถึงปัจจุบัน (2565)