เมื่อครั้งที่ผ่านมาเราพาไปส่องความพร้อมของ 16 สโมสรในศึก ไทยลีก 2565-66 ตอนแรกไปแล้ว ครั้งนี้จะพาเพื่อนๆไปติดตามตอนจบของบทความมาฝาก
ความพร้อม 16 สโมสร ไทยลีก 2565-66 ตอนจบ
เมืองทอง ยูไนเต็ด
เมืองทอง ยูไนเต็ด ยังคงเป็นทีมระดับท็อปของประเทศ แม้จะไม่ได้ลุ้นแชมป์ลีกมาหลายฤดูกาล ฤดูกาลนี้พวกเขาได้ตัว เอกนิษฐ์ ปัญญา และกวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ สองดาวเตะทีมชาติไทยมาร่วมทีม ถือเป็นบิ๊กดีลที่ส่งผลบวกต่อทัพ “กิเลนผยอง” ทั้งในเรื่องของคุณภาพตัวผู้เล่น
ภายใต้การนำของ มาริโอ ยูรอฟสกี้ พวกเขาสามารถพิชิตอันดับที่ 4 ในซีซั่นที่ผ่านมาได้อย่างน่าภาคภูมิด้วยขุมกำลังนักเตะรุ่นใหม่ แต่การจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงโทรฟี่ไทยลีกนั้นจำเป็นที่จะต้องมีนักเตะต่างชาติที่ดีด้วยเช่นกัน การเสีย วิลเลี่ยม พ็อพพ์ ไปทำให้ทัพ “กิเลนผยอง” ต้องตัดสินในกระโดดลงมาเล่นในตลาดซื้อขายนักเตะ และการได้ตัว เอริก โจฮานา โอม็องดี ที่มีจุดเด่นในเรื่องของการดวล 1 ต่อ 1 และการจบสกอร์ที่คมกริบ น่าจะทดแทนนักเตะที่เสียไปได้ไม่ยาก
ราชบุรี มิตรผล เอฟซี
หลายคนอาจจะกังวลว่า การเสีย สตีเว่น ล็องจิล นั้นอาจจะส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อทัพ “ราชันมังกร” เพราะอย่าลืมว่าดาวเตะจอมเก๋ารายนี้ถือเป็นคีย์แมนสำคัญในเกมรุกของทีมมาตลอดนับตั้งแต่ปี 2019 โดย ล็องจิง ยิงไปถึง 19 ประตู จาก 83 นัด ในลีก พร้อมคว้ารองแชมป์ช้าง เอฟเอ คัพ ปี 2019 อีกทั้งยังช่วยทีมเข้าไปเล่น เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2021 รอบแบ่งกลุ่มได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
แต่ ราชบุรี ได้ตัว จักรพันธ์ แก้วพรม ที่การันตีทั้งในเรื่องของประสบการณ์ ความเป็นผู้นำ และความครบเครื่องทั้งในเรื่องของเกมรุก และเกมรับ เข้ามาทดแทน
ทัพ “ราชันมังกร” อาจจะไม่ได้เสริมทัพได้ดูหวือหวาถ้าวัดจากปริมาณ แต่ถ้ามาลงรายละเอียดจะเห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาให้ความสำคัญในเรื่องของการบาลานซ์ทีมด้วย “คุณภาพ” ไล่มาตั้งแต่ อัลวิน ฟอร์เตส ปีกเคปเวิร์ดอดีตแข้งเยาวชนของ เฟเยนูร์ด, ปาร์ค จุน ฮยอง ปราการหลังพลังโสมที่ผ่านการค้าแข้งในลีกยุโรปมาแล้ว รวมถึง อดัม รีด แนวรับลูกครึ่งอังกฤษ – ฟิลิปปินส์ ในโควต้าอาเซียน เช่นเดียวกับขุมกำลังดีกรีทีมชาติไทยอย่าง กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล, ปวีร์ ตัณฑะเตมีย์, ปฐมชัย เสือสกุล ห้องเครื่องคนสำคัญ และแดร์เลย์ หัวหอกแซมบ้าที่ยังคงไว้ใจได้ในเรื่องของการจบสกอร์
ลำพูน วอร์ริเออร์
จากแชมป์ไทยลีก 3 สู่การผงาดคว้าแชมป์ M-150 แชมเปี้ยนชิพ ในฤดูกาลที่ผ่านมาของ ลำพูน วอริเออร์ สร้างสองผลงานชิ้นโบว์แดงที่ให้กับวงการฟุตบอลไทยอย่างแท้จริง
จุดแข็งของพวกเขาที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ “ความกล้า” ที่จะทำอะไรให้เต็มที่แบบจัดเต็มตามสไตล์ของประธานฯ หนุ่มไฟแรงอย่าง พงษ์ศิริ ฐาราชวงศ์ศึก หรือที่แฟนบอลบ้านเราคุ้นหูกันในชื่อ “บอสตาล”
แพลนการสร้างฟุตบอลสเตเดี้ยมแห่งใหม่ เพื่อวางรากฐานของทีมในระยะยาว รวมถึงการเสริมทัพที่ต้องบอกเลยว่าไม่น้อยหน้าใคร ทั้งกลุ่มนักเตะประสบการณ์สูงอย่าง บวร ตาปลา, ทศพล ลาเทศ บวกกับแข้งดีกรีไทยลีกทั้ง นนท์ ม่วงงาม, ธิติ ทุมพร, ชัยวัฒน์ บุราณ, เจนรบ สำเภาดี, สันติภาพ ราษฎร์นิยม บวกกับอาุธหนักอย่าง โมฮัมเหม็ด ออสมาน เมื่อรวมกับนักเตะที่มีอยู่ทั้ง เจฟเฟรน ซัวเรซ, อาลี ซิสโซโก้, หม่อง หม่อง ลวิน และ “โฟร์แบร์” อนันต์ ยอดสังวาลย์ ภายใต้การนำทัพของ ดุสิต เฉลิมแสน ที่การันตีด้วยโทรฟี่แชมป์ “รีโว่ ไทยลีก” มาแล้ว มั่นใจได้เลยว่า ลำพูน วอริเออร์ นั้นพร้อมแล้วกับขวบปีแรกบนลีกสูงสุดของประเทศไทย
ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด
การปรับโครงสร้างทีมครั้งใหญ่ตั้งแต่การปล่อยสองคีย์แมนคนสำคัญทั้ง พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล และเอกนิษฐ์ ปัญญา รวมถึงการผ่าตัดผู้เล่นโควต้าต่างชาติคนสำคัญที่อยู่กับทีมมานานอย่าง บิลล์ โรซิมาร์ และบรินเนอร์ เอ็นริเก้ คือความท้าทายครั้งใหญ่ของทัพ “กว่างโซ้งมหาภัย” ภายใต้การนำของ ปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช หรือที่ทุกคนรู้จักกันดีในนาม “ประธานฮาย” แต่พวกเขาก็ยังมีการเสริมทัพที่เฉียบขาดเช่นเคย
วิคเตอร์ คาร์โดโซ่ หวนกลับคืนสู่รัง ลีโอ เชียงราย สเตเดี้ยม อีกครั้ง ผนึกกำลังกับ มาร์โก บัลลินี หอคอยยักษ์จากทัพ “กิเลนผยอง” และอธิบดี เอติรัตน์ แนวรับจอมแกร่ง เช่นเดียวกับ อติคุณ มีท้วม มิดฟิลด์จาก เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่เคยโชว์ฟอร์มเทพกับ ตราด เอฟซี มาแล้ว ส่วน มนตรี พรมสวัสดิ์ ก็ถูกดึงตัวมาเป็นอาวุธเด็ดทางริมเส้นเช่นกัน
เช่นเดียวกับสองดาวรุ่งอย่าง เศรษฐสิทธิ์ สุวรรณเศรษฐ์ และทักษ์ดนัย ใจหาญ ที่เราเชื่อว่าน่าจะถึงเวลาที่ทั้งสองเฉิดฉายพร้อมๆ กัน เมื่อรวมกับขุมกำลังเดิมที่ล้วนแต่การันตีทั้งฝีเท้า และประสบการณ์อย่าง ธนะศักดิ์ ศรีใส, ชินภัทร ลีเอาะ, อัครวินท์ สวัสดี, สุริยา สิงห์มุ้ย, จอนาตา แวร์ซูร่า, ศนุกรานต์ ถิ่นจอม และ “ซ้ายสั่งตาย” ศิวกรณ์ เตียตระกูล จอมทัพ และกัปตันทีม น่าจะการันตีได้ว่า ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ยังคงอุดมไปด้วยขุมกำลังชั้นดี และพร้อมที่จะกลับมาทวงคืนความสำเร็จทั้งในลีก และฟุตบอลถ้วยทุกรายการ
สุโขทัย เอฟซี
ถือเป็นการคัมแบ็คกลับคืนสู่เวทีลีกสูงสุดของประเทศไทยอีกครั้ง สำหรับ สุโขทัย เอฟซี ภายใต้การนำของกุนซือมือฉมังอย่าง เดนนิส อมาโต้ โดยในซีซั่นที่ผ่านมา สุโขทัย เอฟซี จบด้วยการเป็นรองแชมป์ไทยลีก 2 ด้วยการมีแต้มตามหลัง ลำพูน วอริเออร์ อยู่เพียงแค่แต้มเดียวเท่านั้น พร้อมกับสถิติเป็นทีมที่มีเกมรุกดีที่สุดในลีก
ด้วยฟุตบอลที่เน้นระบบ และไม่ยึดติดที่ตัวซูเปอร์สตาร์ ทำให้การเสริมทัพของ “ค้างคาวไฟ” อาจจะไม่ได้ดูหวือหวาเหมือนทีมอื่นๆ แต่ก็เปี่ยมไปได้คุณภาพอย่าง เรียวเฮ อาราอิ นักเตะแนวรับที่เคยผ่านเวทีเจลีก มายาวนาน รวมไปถึง นันทวัฒน์ กกฝ้าย และสราวุธ กัลยาณบัญทิต สองปราการหลังระดับไทยลีก เข้ามาเสริมแกร่งด้านเกมรับที่ยังเป็นจุดอ่อนของทีมจากฤดูกาลที่ผ่านมา
นักเตะที่น่าจับตามองของ สุโขทัย เอฟซี ต้องมองไปที่ผู้เล่นในแนวรุกอย่าง เชาวสิทธิ์ ทรัพย์สกุลผล ที่ระเบิดฟอร์มสุดยอดในลีกพระรองซีซั่นที่ผ่านมาจนสร้างสถิติเป็นดาวซัลโวคนในในศึก M-150 แชมเปี้ยนชิพ 2021/22 รวมถึง ออสมัน โซว์ หัวหอกสวีดิชที่กดไป 16 ประตูในซีซั่นแรก
หนองบัว พิชญ
ฤดูกาลแรกบนลีกสูงสุด หนองบัชญ สร้างความน่าประทับใจให้กับแฟนบอลชาวไทย ด้วยการพาตัวเองจบเป็นอันดับที่ 4 ของตารางคะแนน
อย่างไรก็ตามการโชว์ฟอร์มดีก็เป็นเหมือนดาบสองคม เมื่อผู้เล่นตัวเก่งของทีมโดนดูดออกไปถึง 2 รายทั้ง แฮมิลตัน โซอาเรส ดาวซัลโวของ รีโว่ ไทยลีก ซีซั้นที่แล้ว และ แอร์ตอน ติราบาสซึ โดยทั้งคู่ย้ายไปร่วมทัพทีมยักษ์ใหญ๋ของประเทศ การท่าเรือ เอฟซี ต้องรอดูว่า “พญาไก่ชน” ที่เสียแกนหลักไปจะยังทำผลงได้ดีเหมือนเดิมได้หรือไม่
ด้านผู้เล่นที่เสริมทัพเข้ามาเรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็ม ปิยพล ผานิชกุล แนวรับจอมเก๋า, ลีออน เจมส์ ดาวรุ่งอนาคตไกลของวงการฟุตบอลไทย เป็นต้น
จุดแข็งอย่างหนึ่งของ หนองบัว พิชญ เอฟซี ก็คือ พวกเขาคือทีมที่ลงสนามด้วยความฮึกเหิม และไม่เกรงกลัวใครเลยแม้แต่น้อย เช่นเดียวกับแฟนบอลทัพ “พญาไก่ชน” ที่คอยซัพพอร์ททีมในฐานะผู้เล่นคนที่ 12 อย่างเหนียวแน่น ต้องมาติดตามกันว่าการต่อสู้ในปีที่สองบนเวทีลีกสูงสุดของยอดทีมจากแดนอีสานตอนบนทีมนี้จะยิ่งใหญ่ และยอดเยี่ยมกว่าเดิมหรือไม่