เหลือเวลาอีกไม่ถึงสัปดาห์การแข่งขัน รีโว่ ไทยลีก ฤดูกาล 2565-66 ก็จะเริ่มลงสนามดวลเกือกเกมแรกอย่างเป็นทางการ ก่อนที่ความมันส์ของลีกสูงสุดประเทศไทยจะเริ่มขึ้น ballthai ขอพาไปส่องความพร้อมของทั้ง 16 สโมสรที่เข้าร่วม
ความพร้อม 16 สโมสรในศึก ไทยลีก 2565-66 ตอนแรก
การท่าเรือ เอฟซี
ผลงานการจบอันดับ 8 เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา พร้อมกับความพ่ายแพ้ในลีกที่มากถึง 13 นัด เปรียบเสมือนฝันร้ายของทัพ “สิงห์เจ้าท่า” อย่างแท้จริง เพราะอย่าลืมว่านับตั้งแต่ฤดูกาล 2018 จนถึงฤดูกาล 2020/21 พวกเขาไม่เคยหลุดจากการเป็นทีมอันดับสามในตารางเลยแม้แต่ปีเดียว
นอกเหนือจากเกมรับที่ยังดูไม่ลงตัวแล้ว ประสิทธิภาพในเกมรุกของ การท่าเรือ เอฟซี ก็ยังยิงได้น้อยกว่ามาตรฐานที่พวกเขาเคยทำได้ นั่นจึงเป็นที่มาของการเสริมทัพให้ตรงจุด ตอบโจทย์มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นนักเตะ หรือว่า เฮดโค้ชที่เปลี่ยนมาใช้บริการ สก็อตต์ คูเปอร์ แทน
แฮมิลตัน โซอาเรส คือกุญแจสำคัญรายใหม่ที่ทัพ “สิงห์เจ้าท่า” คาดหวังกับผลงานเป็นอย่างมาก ด้วยฟอร์มอันเอกอุในสีเสื้อของ หนองบัว พิชญ เอฟซี ที่เจ้าตัวถล่มประตูไปมากกว่า 19 เม็ด จนผงาดครองรางวัลดาวซัลโวไทยลีกอย่างยิ่งใหญ่ และนั่นคือเหตุผลสำคัญที่ การท่าเรือ เอฟซี ตัดสินใจคว้าตัวนักเตะรายนี้เพื่อมาถล่มประตูต่อในรังแพท สเตเดี้ยม ให้ได้ แอร์ตอน ติราบาสซี่ คืออีกหนึ่งแข้งจากทัพ “พญาไก่ชน” ที่โยกมาอยู่กับทีม เพื่ออุดรอยรั่ว และแผลชิ้นโตในแนวรับให้แข็งแกร่งขึ้น รวมถึงเกมริมเส้นที่สุดท้ายยอดทีมจากคลองเตยสามารถปิดดีลแข้งดีกรีทีมชาติไทยอย่าง ศุภนันท์ บุรีรัตน์ มาจาก สมุทรปราการ ซิตี้ ได้สำเร็จ
ขณะที่แข้งต่างชาติรายใหม่อย่าง กิลแยร์เม ปินโต แนวรุกแซมบ้าก็มีดีกรีไม่ธรรมดาจากการเคยคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก U20 กับทีมชาติบราซิลในปี 2011 มาแล้ว รวมถึง ฟราน ปูโตรส แนวรับทีมชาติอิรัก ที่ก่อนหน้านี้ค้าแข้งกับ วีบอร์ก ในเดนมาร์ก เมื่อบวกกับขุมกำลังเดิมโดยเฉพาะนักเตะไทยที่ล้วนแต่ฝีเท้าดีอยู่แล้ว ก็น่าจะตอบโจทย์กับการยกระดับทีมให้พร้อมต่อกรกับยักษ์ใหญ่ใน “รีโว่ ไทยลีก” มากยิ่งขึ้น
แต่ที่น่าสนใจมากที่สุดดีลหนึ่งของทัพ “สิงห์เจ้าท่า” ในซีซั่นนี้ก็คือการยืมตัว เบน เดวิส มาจาก อ็อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด ที่เชื่อได้เลยว่าจะสามารถเข้ามาช่วยให้มิติในเกมรุกของ การท่าเรือ เอฟซี นั้นมีความหลากหลาย และมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อภารกิจลบฝันร้าย และกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ให้สมยี่ห้อ “สิงห์เจ้าท่า” ให้ได้ในฤดูกาลนี้
ขอนแก่น ยูไนเต็ด
ถือเป็นทีมที่เต็มไปด้วยความพร้อมทั้งใน และนอกสนามอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการโดยคนที่มีแพสชั่น และเข้าใจคำว่า “ฟุตบอล” จนนำมาสู่ผลงานในสนามที่สุดท้ายพวกเขาสามารถเอาตัวรอดจากขวบปีแรกบนลีกสูงสุดได้อย่างยอดเยี่ยม
การรักษาคีย์แมนของทีมเอาไว้ได้ ควบคู่ไปกับการดึงตัวผู้เล่นที่มีผลงานที่ดีจากฤดูกาลที่ผ่านมาเข้ามาช่วยยกระดับ คือแนวทางที่ ขอนแก่น ยูไนเต็ด กำลังทำอยู่ ภายใต้การนำของกุนซือชาวบราซิลอย่าง คาร์ลอส เอดูอาร์โด้ ปาร์เรร่า ที่ชัดเจนในเรื่องของการเดินหน้าปลิดชีพคู่แข่งด้วยเกมรุกเน้นๆ ซึ่งเป็นเรื่องดีที่พวกเขาสามารถเก็บหัวใจอย่าง อิบสัน เมโล่ ให้อยู่กับทีมต่อด้วยสัญญาระยะยาว, โรมูโล คาบราล แนวรุกสารพัดประโยชน์ รวมถึง เอเลฟ วิเอร่า แนวรับพันธุ์ดุที่ยังคงเป็นตัวหลักในแนวรับอย่างต่อเนื่อง
เมื่อมาบวกกับนักเตะใหม่อย่าง ทศพล ชมชน ปราการหลังจอมทุ่มไกล, นฤพล อารมณ์สวะ มิดฟิลด์จอมเก๋าที่พร้อมเข้ามาช่วยยกระดับทีม และดีลที่หลายๆ คนจับตามองอย่าง ถวิล บุตรสมบัติ เสือเฒ่าสารพัดประโยชน์ที่เล่นได้ทั้งศูนย์หน้า, ตัวริมเส้น และวิงแบ็ค ด้วยทีเด็ดทั้งในเรื่องของลูกเปิด การจบสกอร์ ความแข็งแกร่ง – ความฟิตพลังม้าที่หลายๆ คนต่างยกย่องทั้งๆ ที่เจ้าตัวนั้นทะลุหลัก 35 ไปเป็นที่เรียบร้อย เรียกได้ว่าในซีซั่นนี้ ขอนแก่น ยูไนเต็ด เดินเกมในตลาดซื้อขายนักเตะได้อย่างน่าสนใจ และชดเชยการสูญเสียผู้เล่นตัวหลักบางคนไปได้อย่างไม่มีปัญหา
ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด
เป็นเวลาลหายฤดูกาลแล้วที่ “แข้งเทพ” ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงแย่งโทรฟี่แชมป์ไทยลีก แต่พวกเขาก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเสียที ฤดูกาลที่ผ่านมาจบเป็นอันดับที่ 3 ของตารางคะแนน
การเสริมทัพของ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ฤดูกาลนี้ไม่ค่อยหวือหว่าอะไรเท่าไหร่นัก มีการดึงตัว รัชนาท อรัญญไพโรจน์ ที่ทำผลงานให้กับ สุพรรณบุรี เอฟซี ได้อย่างโดดเด่น ถูกดึงตัวมาเสริมทัพในแนวรุกทันที เช่นเดียวกับ วิลเลน โมตา ที่ทำผลงานได้อย่างสม่ำเสมอกับ พีที ประจวบ เอฟซี, นิติพงษ์ เสลานนท์ วิงแบ็คที่มีจุดเด่นในเรื่องของการครอสบอลริมเส้น, ทัศนพงษ์ หมวดดารักษ์ แข้งสารพัดประโยชน์จากทัพ “พญาไก่ชน” รวมถึง มาห์มูด ดาฮัดฮา ที่ทำไป 3 ประตูกับ 4 แอสซิสต์ในซีซั่นที่ผ่านมา ตบท้ายด้วยดูโอจากทัพ “เขี้ยวสมุทร” ดีกรีทีมชาติไทยอย่าง ปฏิวัติ คำไหม และชญาวัต ศรีนาวงษ์ ถือว่าเป็นการเสริมตัวผู้เล่นที่ไม่ได้ชื่อดังแต่ให้ความสำคัญผลงานส่วนตัวจากฤดูกาลที่ผ่าน
หากนักเตะในเซ็ตใหม่ สามารถปรับตัวให้เข้ากับแทคติกของ ออเรลิโอ วิดมาร์ และเพื่อมร่วมทีมได้เร็ว อีกทั้งปรับรายละเอียดในเรื่องของเกมรับให้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม รวมถึงความคงเส้นคงวาตลอดซีซั่น เชื่อได้เลยว่า นี่คืออีกหนึ่งฤดูกาลที่ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด จะยังมีโอกาสลุ้นแย่งแชมป์อีกครั้ง
บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
ฤดูกาลที่ผ่านมาพวกเขาจบเป็นรองแชมป์มีแต้มน้อยกว่าแชมป์ของลีกเพียง 2 คะแนนเท่านั้น ดังนั้นเชื่อว่า บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ยังคงเป็นผู้ท้าชิงที่น่ากลัวที่สุดของทัพ “ปราสาทสายฟ้า” ในการแย่งชิงโทรฟี่ “รีโว่ ไทยลีก” ฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง
ด้านการเสริมทัพของ “เดอะ แรบบิท” ถือว่าน่าสนใจได้ตัวทั้ง เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ แนวรุกจรวดดีกรีทีมชาติไทยที่ว่ากันว่าจะสามารถก้าวมาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของประเทศนี้ได้, กาซิโอ ไซด์ ปราการหลังร่างยักษ์ชาวบราซิล, ลิดอร์ โคเฮน พ่อมดลูกหนังอิสราเอล, เปาโล คอนราโด้ หัวหอกเนื้อหอม ตบท้ายด้วย พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล ซูเปอร์ดีลแห่งฤดูกาล
ด้วยนักเตะที่เสร้มเข้ามาใหม่ล่าสุด บวกกับขุมกำลังระดับท็อปที่มีอยู่แล้วภายในทีม เชื่อว่า เฮดโค้ช มาโกโตะ เทกุระโมริ จะพาทีมลุ้นแชมป์ “รีโว่ ไทยลีก” ในฤดูกาลนี้สนุกแน่
โปลิศ เทโร เอฟซี
นี่คือซีซั่นที่เต็มไปด้วยความท้าทายสำหรับทัพ “มังกรไฟ” กับปีแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีของสโมสรที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะขุมกำลังทั้งนักเตะไทย และต่างชาติ
วูกึน ยอง หรือที่ทุกคนรู้จักกันในชื่อของ “กาก้า” ถูกวางให้เป็นหัวหอกตัวความหวังในฤดูกาลนี้ และผลงาน 107 ประตูกับการค้าแข้งในประเทศไทยนั้นไม่ได้มาเพราะโชคช่วย มั่นใจได้เลยว่าประสบการณ์ และสัญชาตญาณในกรอบเขตโทษของหัวหอกเกาหลีใต้รายนี้จะช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปในเกมรุกของ โปลิศ เทโร เอฟซี ได้อย่างแน่นอน รวมถึงการกลับมาของ บาโบ้ มาร์ค แลนดรี้, เจนภพ โพธิ์ขี และสรวิทย์ พานทอง บวกกับแข้งฝีเท้าดีหลายคนไล่มาตั้งแต่ วิทยา มูลวงศ์, รังสรรค์ วิรุฬห์ศรี และ ดานิโล โอลิเวียรา อัลเวส แนวรุกชาวบราซิลจากลีกนิการากัว
ด้วยการเตรียมทีมที่มีแบบแผนชัดเจน ส่งผลให้ทัพ “มังกรไฟ” ในฤดูกาลนี้ทีมมีความพร้อมมากกว่าซีซั่นที่ผ่านมา และเราเชื่อว่าภายใต้การนำทัพของ “โค้ชอ้น” รังสรรค์ วิวัฒนชัยโชค โปลิศ เทโร เอฟซี ชุดนี้พร้อมเต็มที่สำหรับการไล่ล่าความท้าทายบนเวที “รีโว่ ไทยลีก” รวมถึงเป้าหมายการอยู่ในโซนบนของตาราง
พีที ประจวบ เอฟซี
ฤดูกาลที่ผ่านมาพวกเขารอดตัวชั้นอย่างหวุดหวิด จากประสบการเฉียดตายทำให้พวกเขาเดินหน้ายกระดับทีมให้แกร่งขึ้นกว่าเดิม
มาในฤดูกาลใหม่ได้ “โค้ชโจ” ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น อดีตกุนซือของ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี และยังเดินหน้าเสริมทัพแบบไม่ยั้ง ตั้งแต่การปิดดีลยืมตัวหัวหอกสุดเนื้อหอมอย่าง ณัฐวุฒิ สุขสุ่ม มาจาก ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด, ซามูเอล โรซ่า จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่เติมเต็มในแนวรุก, ลอสเซมี คาราบูเอ ที่พร้อมก้าวมาเป็นหัวใจในแดนกลางของทีม, จักรกฤษ ลาภตระกูล จอมพลิ้วจากทัพ “ปราสาทสายฟ้า”, นัสตพล มาลาพันธ์ – อริส ซาริโฟวิช สองปราการหลังจอมแกร่ง, แพทริก เดย์โต นายด่านจอมหนึบจาก สุพรรณบุรี เอฟซี รวมถึง ควอน แด ฮี แนวรับสารพัดประโยชน์ที่รีเทิร์นสู่รั้ว สามอ่าว สเตเดี้ยม อีกครั้ง
ต้องมาดูว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะช่วยให้ พีที ประจวบ เอฟซี อยู่รอดปลอดภัยบนลีกสูงสุด ไม่ต้องมาเหนื่อยลุ้นหนีตกชั้นได้หรือไม่
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ผลงานการคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ทั้ง ไทยลีก, เอฟเอ คัพ และลีกคัพ จากฤดูกาลที่ผ่านมา คือเครื่องการรันตีที่เป็นรูปธรรมที่สุดว่า มาซาทาดะ อิชิอิ นั้นสามารถเข้ามายกระดับ และทำให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังคงเป็นตัวเต็งของการลุ้นแชมป์ทุกรายการในประเทศไทยไม่มีเปลี่ยน
แม้ว่าพวกเขาจะต้องเสียคีย์แมนคนสำคัญในแนวรุกอย่าง สุภโชค สารชาติ ที่ก้าวตามฝันอันยิ่งใหญ่กับการไปค้าแข้งในเวทีเจลีกกับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร
แต่ทัพ “ปราสาทสายฟ้า” ยังคงเดินหน้าเสริมทัพด้วยจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญหลายราย ไล่มาตั้งแต่ ลอสซาน่า ดุมบูญ่า หัวหอกชาวกินีที่ถูกการันตีด้วยการเป็นอดีตดาวซัลโวไทยลีก, แฟรงค์ คาสตาเญดา แนวรุกชาวโคลอมเบีย ที่ผ่านเวทีใหญ่ระดับโลกอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้ว รวมถึง โกรัน เคาซิช มิดฟิลด์วัย 30 ปีชาวเซอร์เบีย ที่เคยพาทีมอย่าง เรดสตาร์ เบลเกรด คว้าแชมป์ลีกมาแล้ว
แน่นอนว่าทั้งสามคนนี้การันตีได้ถึงประสบการณ์ในเส้นทางสายลูกหนัง บวกกับฝีเท้า และดีเอ็นเอในระดับที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ต้องการนั่นก็คือความเป็น “ผู้ชนะ” เมื่อบวกกับขุมกำลังไทยที่ยังคงอยู่กับทีมไล่มาตั้งแต่ “กัปตันต้น” นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, ศศลักษณ์ ไหประโคน, ศุภชัย ใจเด็ด พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ปิดท้ายด้วย ธีราทร บุญมาทัน เจ้าชายปราสาทสายฟ้า ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นผู้เล่นระดับแถวหน้าของประเทศทั้งสิ้น
