ธีรเทพ วิโนทัย อดีตกองหน้าทีมชาติไทย ของโปลิศ เทโร เอฟซี ประกาศแขวนสตั๊ดในวัย 37 ปี เขาถือเป็นหนึ่งในตำนานนักเตะชาวไทยที่เคยมีโอกาสไปค้าแข้งในยุโรป และเคยไปฝึกซ้อมอยู่กับทีมระดับสูงของประเทศอังกฤษ บทความนี้จะพาเพื่อนๆไปย้อนชมเส้นทางที่ผ่านมาของตำนานกองหน้ารายนี้กันครับ
“ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย เกิดเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ปี 2528 ที่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย เป็นลูกชายของ “จันดี” เทพไชย วิโนทัย ผู้สื่อข่าวกีฬาหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และ พรสมจิต วิโนทัย โดยชื่อเล่น ลีซอ นั้นมาจากการที่คุณแม่เคยไปทำงานอาสาสอนหนังสือให้ชาวเขาแล้วประทับใจในชนเผ่าลีซอ จนนำมาตั้งเป็นชื่อลูกชายนั่นเอง
จุดเริ่มต้นการเป็นนักฟุตบอลของ ลีซอ มาจากการที่มีคุณพ่อเป็นผู้สื่อข่าวสายกีฬา เขาได้มีโอกาสติดตามคุณพ่อไปที่ทำงานเป็นประจำ ทำให้เริ่มได้ซึมซับความชอบในด้านกีฬา ก่อนที่จะเริ่มฝึกเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังในช่วงอายุแค่ 8 ขวบเท่านั้น ตอนที่เข้าเรียนที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย จนมีโอกาสได้ติดทีม U-12 ของโรงเรียน และนั่นก็ยิ่งเพิ่มความรู้สึกหลงใหลในเกมลูกหนังให้มากขึ้นด้วย พร้อมกับการมี เดวิด เบ็คแฮม เป็นไอดอล ซึ่งแน่นอนว่าทีมรักของเขาก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เส้นทางลูกหนังของ ธีรเทพ วิโนทัย
หลังจากศึกษาจนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย “ลีซอ” ได้มีโอกาสเดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษที่โรงเรียนเบรนท์วูด เมืองเอสเซ็กส์ ซึ่งเหตุการณ์หลังจากนี้ ได้เริ่มทำให้ลีซอมีชื่อเสียงในประเทศไทยมากขึ้น
ชีวิตที่อังกฤษของลีซอนั้น นอกจากจะไปเรียนแล้ว ยังได้รับโอกาสเป็นนักฟุตบอลฝึกหัดของสโมสรคริสตัล พาเลซ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) ซึ่งตรงจุดนี้เอง ทำให้สื่อไทยเริ่มสนใจลีซอมากขึ้น เพราะเป็นคนไทยเพียงไม่กี่คนที่จะได้ฝึกฟุตบอลกับสโมสรระดับอาชีพในประเทศอังกฤษ
แต่สุดท้าย ลีซอก็ไม่สามารถขึ้นทีมชุดใหญ่ของคริสตัล พาเลซได้ เนื่องจากติดเรื่องเวิร์ก เพอร์มิต เพราะไม่ได้ติดทีมชาติชุดใหญ่ถึงร้อยละ 75 ภายใน 2 ปี จึงไม่ได้รับการต่อสัญญา ขณะที่เพื่อนซี้อย่าง เวยน์ เราท์เลดจ์ ขึ้นทีมชุดใหญ่สำเร็จ ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ ในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ใน ค.ศ. 2005
ต่อมาในปี ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548) ลีซอก็ได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะเยาวชนของสโมสรเอฟเวอร์ตัน ในโครงการช้างไทยไปเอฟเวอร์ตัน โดยมีสมปอง สอเหลบ และรัตพล ปิยวุฒิสกุล เป็นเพื่อนร่วมโครงการ โดยอยู่ได้ 1 ปีก็ย้ายกลับมาค้าแข้งในประเทศไทยกับสโมสรบีอีซี เทโรศาสน พ.ศ. 2549 ซึ่งการย้ายมาบีอีซีฯ ลีซอทำผลงานได้ดี จนได้รับความสนใจจากสโมสร เค. ลีร์เซ่ สโมสรดิวิชั่น 2 ของเบลเยียม
ในที่สุด ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551) ลีซอก็ย้ายไปสโมสรเค. ลีร์เซ่ อย่างเป็นทางการ เซ็นสัญญากัน 1 ปีครึ่ง อย่างไรก็ตามแข้งชาวไทยไม่ได้รับโอกาสเท่าที่ควร ลงสนามทั้งหมด 8 นัด ยิงได้ 3 ประตูในทุกรายการ ก่อนที่จะย้ายกลับมาที่สโมสรเมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ด ด้วยสัญญายืมตัวในปี 2552 และยืมตัวกับสโมสรบีอีซี เทโร ในปี 2553 ก่อนจะย้ายมาสู่บีอีซีฯ ถาวรในปีถัดมา
การกลับมาเล่นให้กับสโมสรบีอีซีฯ ครั้งนี้ เขาทำผลงานได้ค่อนข้างดี จนได้รับการแต่งตั้งเป็นกัปตันทีม แต่ว่าการที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน ทำให้ไม่สามารถเค้นศักยภาพได้อย่างเต็มที่ กระทั่งย้ายมาสู่สโมสรบางกอกกล๊าส เพื่อนร่วมไทยพรีเมียร์ลีก ในปี 2555 และได้รับการแต่งตั้งเป็นกัปตันทีมปี 2556
นับแต่นั้นเขาก็โลดแล่นเล่นให้กับหลายสโมสรในศึกไทยลีกอย่าง บางกอกกล๊าส (2012-2014), เพื่อนตำรวจ (2014-2016), แบงค็อก ยูไนเต็ด (2016-2019), ชลบุรี เอฟซี (2019) ก่อนที่จะมีโอกาสกลับมาค้าแข้งกับ โปลิศ เทโร เอฟซี เป็นทีมล่าสุด ซึ่งเป็นสโมสรที่เจ้าตัวเริ่มสร้างชื่อเสียงในวงการฟุตบอลไทย เมื่อครั้งยังใช้ชื่อบีอีซี เทโรศาสน พร้อมจบเส้นทางกับสโมสรแห่งนี้หลังจบการแข่งขันเลกแรกของ รีโว่ ไทยลีก 2022/23
โดยผลงานการยิงประตูในไทยลีก ธีรเทพ วิโนทัย ซัดไป 96 ประตู เป็นรองเพียงแค่ ศรายุทธ ชัยคำดี, พิภพ อ่อนโม้ และ ธีรศิลป์ แดงดา ในลิสต์ดาวซัลโวคนไทยในประวัติศาสตร์ไทยลีก
สร้างชื่อกับทีมชาติไทย
ลีซอ ติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 2548 ถูกยกให้เป็น “ดาวรุ่งมหัศจรรย์” ของวงการลูกหนังไทย หลังจากติดทีมชาติชุดซีเกมส์ปี 2001 ที่มาเลเซีย ในขณะที่ยังเรียนอยู่ชั้น ม.4 ด้วยวัยเพียง 16 ปีเท่านั้น ก่อนจะช่วยยิง 3 ประตูพาทีมคว้าเหรียญทองได้สำเร็จ และหลังจากนั้น ลีซอ ก็เป็นกำลังสำคัญของทีมชาติ พาทีมได้เหรียญทองซีเกมส์ได้อีก 3 สมัยซ้อนในปี 2003, 2005 และ 2007 โดยเฉพาะในปี 2005 ซึ่ง ลีซอ ระเบิดแฮตทริกพาทีมถล่ม เวียดนาม 3-0 ในนัดชิงชนะเลิศ
เกียรติประวัติ
เมืองทอง ยูไนเต็ด
- แชมป์ไทยลีก : 2009
เพื่อนตำรวจ
- แชมป์ดิวิชั่น 1 : 2015
ทีมชาติไทย
- แชมป์ซีเกมส์ 4 สมัย : 2001, 2003, 2005, 2007
- แชมป์ยู-19 ชิงแชมป์อาเซียน ปี 2002
- แชมป์คิงส์คัพ ปี 2017
